บันทึกอนุทินครั้งที่ 2
วันที่ 21 มกราคม 2558
ความรู้ที่ได้รับในวันนี้
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย โดยแบ่งรูปแบบการจัด การศึกษาออกเป็น 4
การศึกษา
การศึกษาปกติทั่วไป (Regular
Education) สำหรับเด็กทั่วไปเรียน
การศึกษาพิเศษ (Special Education) สำหรับเด็กพิเศษเรียนเท่านั้น
การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education
หรือ Mainstreaming) สำหรับเด็กพิเศษและเด็กปกติทั่วไปที่ทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในแต่ละวัน
การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive
Education) สำหรับเด็กปกติและเด็กพิเศษที่มีอาการน้อยเรียนรวมกัน
เด็กพิเศษในสมัยก่อน เด็กซ่อน
คือไม่ให้เด็กออกนอกบ้าน
ผู้ปกครองจะซ่อนเด็กอยู่ในซอกลืบของบ้าน เพราะว่าจะเป็นเรื่องอับอายแก่วงตระกูล
การศึกษาพิเศษให้เด็กพิเศษเรียนเท่านั้น
ข้อเสียของการให้เด็กพิเศษเรียนรวมกับเด็กจะพิเศษ
เมื่อเด็กโตขึ้นจะทำให้เด็กไม่สามารถเข้าร่วมกับสังคมได้ดีนัก
เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเด็ก
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration) การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปเรียนกับเด็กปกติบางเวลา โดยแทรกเข้าในกิจกรรม ดนตรี
ศิลปะ เคลื่อนไหว โดยเด็กพิเศษไม่สามารถเต็มทั้งวันได้
แต่สามารถเรียนได้เป็นบางกิจกรรมบางเวลาร่วมกับเด็กปกติทั่วไป
การเรียนเต็มเวลา (Mainstreaming) เด็กที่จะเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติเต็มเวลา จะต้องเป็นเด็กที่มีอาการน้อย โดยความร่วมมือของศูนย์การศึกษาพิเศษและโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาเด็กพิเศษเรียนร่วมกับเด็กปกติ
ส่วนหน่วยงานศูนย์การศึกษาพิเศษจะเป็นคนเลือกเด็กมาเรียนร่วมกับเด็กปกติในโรงเรียน การที่ให้เด็กพิเศษเรียนร่วมกับเด็กปกติ
เพื่อให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนและการอยู่ร่วมกันในสังคมได้
การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
การเรียนรวมอยู่ในการดูแลของศูนย์การศึกษาพิเศษ
การศึกษาแบบเรียนรวม คือ
การศึกษาสำหรับทุกคน
เด็กเช้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติตั้งแต่เข้ารับการศึกษา และเด็กเป็นสมาชิกคนหนึ่งในห้องเรียนเหมือนเด็กปกติทั่วไปตั้งแต่เข้ารับการศึกษา
อย่าให้เพื่อนในห้องล้อเด็กออทิสติก และครูอย่าเอาจุดด้อยของเด็กมาล้อเล่นครูควรเรียนชื่อของเขาให้ถูกต้อง
เด็กในวัยแรกเกิดถึง 7
ขวบ
เป็นช่วงวัยทองของการเรียนรู้ของเด็ก
และอยู่ในช่วงความสนใจในการเรียนรู้ของเด็กเป็นอย่างมาก และเมื่อเด็กอายุเกิน 7
ขวบขึ้นไป
เซลล์สมองของเด็กจะไม่ทำการสร้างเซลล์สมอง
เซลล์สมองจะยิ่งลดน้องลงเรื่อยๆ
"Inclusive
Education is Education for all,
It involves receiving people at the beginning of their education, with provision of additional services
needed by each individual"
สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
การเรียนรวม
เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ
หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้
และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม
ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน ทุกคนยอมรับว่ามี
ผู้พิการ
อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ
โดยไม่มีการแบ่งแยก
กิจกรรมที่
1 กิจกรรมร้องเพลงสำหรับเด็ก
(เพลง นม)
นมเป็นอาหารดี มีคุณค่าต่อร่างกาย
ดื่มแล้วชื่นใจ ร่างกายแข็งแรง
ยังมีนมถั่วเหลือง ดื่มได้ดีและไม่แพง
ดื่มแล้วชื่นใจ ร่างกายแข็งแรง
ผู้แต่ง อ.ศรีนวล รัตนสุวรรณ
(เพลง แปรงฟัน)
ตื่นเช้าเราแปรงฟัน กินอาหารแล้วเราแปรงฟัน
ก่อนนอเราแปรงฟัน ฟันสะอาดขาวเป็นเงางาม
แปรงฟันที่ถูกวิธี ดูซิต้องแปรงขึ้นลง
แปรงฟันที่ถูกวิธี ดูซิต้องแปรงขึ้นลง
ผู้แต่ง อ.ศรีนวล รัตนสุวรรณ
(เพลง พี่น้องฉัน)
บ้านของฉันอยู่ด้วยกันมากหลาย พ่อ
แม่ ปู่ ย่า
ลุง ป้า ตา ยาย
มีทั้งน้า อา
พี่และน้องมากมาย ทุกคนสุขสบายเราเป็นพี่น้องกัน
ผู้แต่ง อ.ศรีนวล รัตนสุวรรณ
อาบน้ำซู่ซ่า
ล้างหน้าล้างตา ฟอกสบู่ถูตัว
ชำระเหงื่อไคล
ราดน้ำให้ทั่ว
เสร็จแล้วเช็ดตัว อย่าให้ขุ่นมัว
สุขกายสบายใจ
ผู้แต่ง อ.ศรีนวล รัตนสุวรรณ
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในวันนี้ไปปรับใช้ในสถานการณ์จริงได้ในอนาคตข้างหน้า
เราไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคตข้างหน้าในการเป็นครู
เราอาจจะเจอเด็กปกติทั้งหมดในห้องเรียนหรือเด็กปกติเรียนรวมกับเด็กพิเศษก็ได้
แต่ความรู้ที่ได้รับในวันนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าแนวทางในการจัดการเรียนการสอนเด็กพิเศษเรียนรวมกับเด็กปกติ
ว่าควรทำอย่างไร
ในการเรียนการสอนทุกครั้งเด็กพิเศษต้องนั่งใกล้กับเด็กที่ตั้งใจเรียน
เพื่อให้เด็กพิเศษเกิดการเรียนรู้ร่วมกับเด็กปกติ และยังรู้การพูดคุยกับเด็กพิเศษอย่างไรให้เขาเกิดการเรียนรู้
และการส่งเสริมให้เด็กมีความรู้พร้องกับเด็กปกติ สิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจว่าครูไม่ควรล้อชื่อหรือล้อเด็กพิเศษในห้องเรียนเพราะจะทำให้เด็กมีปมด้อย ควรชี้แนะให้เด็กรู้ว่าเพื่อนไม่สบาย เพื่อนมีโรคประจำตัว โดยบอกให้เพื่อนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
จะนำความรู้ในวันนี้ไปพัฒนาให้เด็กพิเศษสามารถทำกิจวัตรประจำวันอย่างง่ายได้
และให้เด็กสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป
ผู้สอนได้ใช้เทคนิคในการสอน
1. ผู้สอนใช้เทคนิคการจัดโต๊ะเป็นตัว U ในการสอนในชั้นเรียนเพื่อให้เห็นเด็กนักศึกษาครบทุกคน
2. ผู้สอนแจกแบบทดสอบหลังเรียนให้นักศึกษา
(โดยอาจารย์ให้นักศึกษาสามารถแชร์ความคิดกันได้กับเพื่อนข้างซ้ายและข้างขวา)
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสอน
1.โปรแจคเตอร์
2.ไมโคโฟน
3.คอมพิวเตอร์
PC
4. Microsoft Office PowerPoint
(การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย)
การประเมินในชั้นเรียน
วันนี้ผมแต่งกายเรียนร้อย ถูกระเบียบเหมือนทุกๆวัน ตามข้อตกลงของห้องเรียน มาเรียนตรงต่อเวลา ไม่มาเรียนสาย
มาถึงห้องเรียนก็จัดโต๊ะเป็นตัว U กับเพื่อน ตั้งใจฟังอาจารย์สอนและอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติม ทำกิจกรรมร้องเพลงและนันทนาการกันกับเพื่อนในห้องเป็นอย่างดี มีส่วนร่วมในการตอบคำถามของอาจารย์ในคาบเรียน วันนี้เรียนสนุกมากเลยครับ
วันนี้มีเพื่อนภาคพิเศษมาเรียนรวมกับพวกเรา ก็มีมาเรียนสายบ้างเป็นบางคนเป็นส่วนน้อย โดยให้ภาคปกติห้องผมนั่งแถวหน้าและภาคพิเศษนั่งแถวหนัง
โดยการนั่งเป็นตัว U ตามข้อตกลงของอาจารย์ วันนี้เพื่อนตั้งใจเรียนไม่ค่อยพูดมาก เป็นพฤติกรรมที่ดีมาก เพื่อนให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของอาจารย์ทุกครั้งเป็นอย่างดี และตั้งใจทำกิจกรรมร้องเพลงร่วมกับเพื่อน
วันนี้อาจารย์แต่งกายสุภาพเรียบร้องเหมือนทุกๆ อาจารย์สอนสนุกมาก
และยังให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ตรงให้กับนักศึกษาได้รับรู้ อาจารย์ให้ความรู้แก่นักศึกษาเยอะมากและวันนี้มีความสุขในการเรียนมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนกับอาจารย์ อาจารย์ให้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ตรงที่ถ่ายทอดสู่นักศึกษา และความเข้าใจ
และอีกมากมายที่อาจารย์มอบให้ในทุกๆครั้ง
ขอขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น